ปลูกไว้ ไม้หอมยืนต้น

ปลูกไว้ ไม้หอมยืนต้น ความหอมเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่พวกเราจะห้ามให้ขาดเลยเด็ดขาด ในประเทศไทยมีพันธุ์พืชหลายหลายประเภทมากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็นสีสันที่งาม หรือแม้กระทั้งกลิ่นหอมสดชื่นอันเลอค่า แล้วจะมีไม้หอมอะไรบ้างนะ ที่จะให้กลิ่นหอมยวนใจที่เย้ายวน พวกเรามาดูกันเลย ปลูกไว้ ไม้หอมยืนต้น

ปลูกไว้ ไม้หอมยืนต้น

เดหลีใบกล้วย (Peace lily)

กลีบดอกไม้เป็นรูปหัวใจเหมือนดอกหน้าโคแต่ว่ามีสีขาวอาจเป็นข้อดีที่ทำให้เลือกปลูกเดหลีใบกล้วยในสวน เนื่องจากว่าเป็นไม้หัวก็เลยมักปลูกเป็นไม้พุ่มต่ำ ถูกใจแสงอาทิตย์รำไร แม้กระนั้นจำเป็นต้องรดน้ำเสมอๆ มีกลิ่นหอมยวนใจแรง เดหลี (Peace lily) จัดเป็นไม้ประดับที่นิยมนำมาปลูกเพื่อการประดับต้น ประดับประดาใบ และก็แต่งแต้มดอก เหตุเพราะใบมีขนาดใหญ่ สีเขียวเข้ม ทำให้ดูชื่นบาน รวมทั้งมีดอกที่มีใบประดับประดาดอกสีขาวนวลขนาดใหญ่งดงาม ดังนี้ มีความเห็นกันว่า Phuket Villas

เดหลี เป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่สามารถช่วยส่งเสริมให้ผู้ปลูกแก่มั่นขวัญยืน และก็นำโชคลาภมาให้ เดหลี เป็นไม้ล้มลุกที่แก่นานยาวนานหลายปี มีลำต้นแยกออกเป็น 2 ส่วนเป็นลำต้นส่วนใต้ดินที่เป็นหัว แล้วก็ไหล และก็ลำต้นเหนือดินแตกหน่อจากไหลขึ้นมา โดยลำต้นเหนือดินแตกหน่อออกข้างๆทำให้เป็นกอกระทั่งมองดูเป็นทรงพุ่มไม้ขนาดเล็ก ลำต้นสูงราว 40 – 70 ซม. ดังนี้

ทุกส่วนทั้งยังลำต้น ใบ รวมทั้งดอก เมื่อกรีดจะมีน้ำยางใส ใบเดหลี เป็นใบโดดเดี่ยว ออกเรียงสลับกันจากลำต้น ก้านมีสีเขียวเข้ม ยาว 30-40 ซม. ใบมีรูปรี แผ่นใบเรียบ รวมทั้งวาว มีสีเขียวเข้ม ภูเก็ต วิลล่า โคนใบสอบแคบ ปลายใบเรียวแหลม และก็โค้งลงดิน ขอบของใบเป็นคลื่นนิดหน่อย ขนาดใบกว้าง 15-25 ซม.ยาว 25-50 ซม. มีเส้นกึ่งกลางใบเป็นร่องสีเขียวเข้มแน่ชัด

ดอกเดหลี มีดอกเป็นช่อ แทงออกมาจากยอดของลำต้น ยาวราวๆ 20-30 ซม. ปลายก้านดอกมีใบประดับประดาสีขาวนวล 1 ใบ มีลักษณะเป็นรูปหัวใจงาม โคนใบกว้างเว้ากึ่งกลาง ปลายใบแหลม กว้างราว 8-12 ซม. ยาว 15-20 ซม. ต่อมาเป็นช่อดอกที่มีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอก

ซึ่งมีดอกย่อยที่ไร้ก้านดอก ขนาดเล็กจำนวนไม่ใช่น้อย คล้ายกับไข่แมงดาท้องนา โดยดอกย่อยแต่ละดอกมีสีเหลืองอ่อน ซึ่งเมื่อบานจะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆนาน 8-10 วัน ซึ่งจะส่งกลิ่นหอมแรงในเวลาเช้า ดังนี้ เดหลีจะมีดอกได้ตลอดทั้งปี รวมทั้งมีดอกมากมายในช่วงฤดูฝนตั้งแต่พฤษภาคม-ก.ย.

1. เดหลีนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับต้น แล้วก็ตกแต่งดอก เนื่องมาจาก ลำต้น และก็ใบมีสีเขียวเข้ม ใบมีขนาดใหญ่ ส่วนดอกจะมีสีขาว สามารถให้ดอกได้ตลอดทั้งปี
2. เดหลี นอกเหนือจากการที่จะปลูกตกแต่งแล้ว ยังจัดเป็นพืชที่มีความมงคลที่มั่นใจว่าจะมีผลให้ผู้ปลูกแก่มั่นขวัญยืน ช่วยขจัดปัดเป่าภัย แล้วก็นำโชคลาภมาให้
3. ด้วยเหตุว่าต้นเดหลีมีใบขนาดใหญ่ สีเขียวเข้ม ก็เลยมั่นใจว่าเป็นไม้ที่ช่วยดูดซึมพิษได้ดิบได้ดี ก็เลยนิยมนำมาปลูกในกระถางสำหรับตั้งเอาไว้ในตึก ในห้องรับแขกหรือในห้องทำงาน เพื่อช่วยซึมซับสารมลภาวะ
4. ดอกเดหลีเมื่อมีดอกจะมีกลิ่นหอมหวน ก็เลยนิยมนำต้นเดหลีที่มีดอกแล้วมาวางเอาไว้ในบ้านหรือห้องรับแขกสำหรับปรับกลิ่นอากาศ ที่สามารถให้กลิ่นหอมยวนใจได้นาน 8-10 วัน สำหรับการมีดอกแต่ละครั้ง และก็ส่งกลิ่นหอมมากมายในเวลาเช้า เวลา 07.00-10.00 น.
5. ดอกเดหลีมีกลิ่นหอมหวนที่เป็นสารล่อแมลงวันผลไม้ได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว บางบ้านมักใช้เดหลีล่อแมลงวันผลไม้มารวมกันเพื่อกำจัด ยิ่งไปกว่านั้น บางทีอาจนำเดหลีไปปลูกเอาไว้ภายในสวนผลไม้เพื่อเป็นแหล่งล่อแมลงวันผลไม้ให้ออกห่างจากผลไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนการเก็บผลิตผล ดังนี้ ดอกเดหลี 3-4 ดอก จะมีความรู้และมีความเข้าใจล่อแมลงวันผลไม้เสมอกันกับสารเมธิลยูจินอล 0.5 ซีซี

เดหลี เป็นพืชดอกที่ถูกใจดินร่วนซุย รวมทั้งมีความชุ่มชื้นสูง ถูกใจแสงอาทิตย์รำไร อุณหภูมิราวๆ 18-25 องศา ที่สามารถปลูกได้ทั้งยังในกระถาง รวมทั้งปลูกลงในแปลงใต้ต้นไม้ใหญ่

เดหลีนิยมนำมาปลูกด้วยการแยกหน่อหรือต้นอ่อนเป็นหลัก ด้วยเหตุว่าดอกติดเม็ดได้น้อยมาก ส่วนการปักชำไม่นิยมเช่นเดียวกัน เนื่องจากควรต้องตัดต้นมาปักชำเพียงแค่นั้น เนื่องมาจากลำต้นไม่แตกกิ่ง แม้กระนั้นจะใช้ในเรื่องที่จำต้องถอนต้นหรือตัดต้นทิ้งจากแปลง เพื่อต้นกำเนิดราก รวมทั้งเติบโตใหม่ ดังนี้ เดหลีนิยมนำมาปลูกทั้งยังในกระถางสำหรับตั้งเอาไว้ในตึก แล้วก็ปลูกภายในแปลงจัดสวนรอบๆที่มีร่มไม้ใหญ่หรือมีแสงสว่างส่องรำไร

เดหลีที่ปลูกยาวนานกว่า 1 ปี จะเริ่มแตกหน่อได้อย่างเร็ว รวมทั้งสำหรับหน่อเดหลีที่ใช้แยกปลูก จะต้องมีความสูงราว 15-20 ซม. เว้นแต่ การแยกหน่อแล้ว ยังสามารถแยกเหง้าหรือต้นออกปลูกได้ด้วย ดังนี้ การขุดหน่อหรือแยกต้นออกปลูกให้ขุดเปิดหน้าดินจนถึงมองเห็นหน่อหรือรอยต่อของต้นก่อน ต่อไป ให้ใช้มีดหรือเสียมเล็กแทงตัดหน่อหรือลำต้นออก และก็จึงควรให้มีรากติดหน่อหรือลำต้นมาด้วยทุกคราว โครงการภูวิลล่า ภูเก็ต

วิธีการแบบนี้เพาะนี้ ไม่เป็นที่ชื่นชอบ และไม่ค่อยสำเร็จนัก เพราะว่าลำต้นมักเน่าหรือแห้งตายก่อน ซึ่งมักใช้ในเรื่องที่จำเป็นต้องตัดต้นทิ้งจากแหล่งปลูก แล้วก็รอบๆเหง้าเสียหายกระทั่งจำเป็นต้องเอาทิ้ง ทำได้ด้วยการตัดโคนลำต้น แล้วนำปักชำลงแปลงหรือในกระถาง ก่อนที่จะรดน้ำจวบจนกระทั่งต้นจะติดหรือรากแทงออก เดหลีเป็นไม้ที่ถูกใจแสงสว่างรำไร แล้วก็มีอากาศไม่ร้อนจัด ก็เลยจำเป็นต้องวางกระถางในที่ร่มหรือในตึกที่แดดส่องถึงน้อย แม้กระนั้นถ้าปลูกหรือวางในแปลง ควรจะปลูกหรือวางกระถางไว้ใต้ร่มไม้ใหญ่ ดังนี้ ควรจะหลบหลีกการวางกระถางหรือปลูกลงแปลงที่มีแสงตะวันส่องตลอดทั้งวัน เนื่องจากจะก่อให้ใบมีสีซีดจางลง

วัวกระทิง (Alexandrian laurel)

ชื่อท้องถิ่น: วัวกระทิง กระทึง กระทิง กากะทึง ทิง เนาวกาน สารภีสมุทร สารภีแนน ลักษณะทั่วไป: ต้น ต้นไม้สูง 5-18 เมตร เรือนยอดแผ่กว้างเป็นพุ่มไม้กลมรวมทั้งแน่นหนา ไม่ผลัดใบ เปลือกสีน้ำตาลคละเคล้าเทา ทุกส่วนมียางสีเหลืองอมเขียว ใบ ใบลำพังเรียงตรงกันข้ามแผ่นใบรูปขอบขนานปนรูปไข่ขอบของใบเรียบ ผิวใบสะอาดข้างบนสีเขียวเข้มเป็นเงา ข้างล่างสีเขียวนวล ปลายมน หรือมีรอยเว้าบุบ ดอก บ้านสองชั้น ออกตามง่ามใบ แล้วก็ปลายกิ่ง ดอกสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน กลิ่นหอมยวนใจเย็น ออกเป็นช่อ

กลีบเลี้ยงสีเดียวกับกลีบดอกไม้มีอย่างละ 4 กลีบ เกสรเพศผู้มีหลายชิ้น ฝัก/ผล ผลกลมรีถึงค้อนข้างกลมมี 1 เม็ด แล้วก็ชุ่มฉ่ำน้ำ เมื่อสุกสีเหลือง ฤดูมีดอก: เดือนกรกฎาคม-ส.ค. การดูแลและรักษา: ถูกใจขึ้นในดินผสมทราย การขยายพันธุ์: ด้วยเม็ด ส่วนที่มีกลิ่นหอมหวน: ดอก การใช้ผลดี: – ไม้ประดับ ไม้ให้ร่มตามถนนหนทาง – ไม้ใช้สำหรับเพื่อการก่อสร้าง ทำเครื่องตกแต่งบ้าน ทำกระดูกงูเรือ ไม้หมอนรถไฟ แหล่งที่เจอ: เจอทั่วๆไปตามป่าริมทะเล คุณประโยชน์ทางยา: เปลือกใช้ล้างแผล home

ต้นวัวกระทิง จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกึ่งกลางถึงกับขนาดใหญ่ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นทรงพุ่มไม้ทึบ ไม่มีระเบียบ ลำต้นออกจะสั้นรวมทั้งมักบิดแตกเป็นกิ่งใหญ่ๆหลายชิ้นอีกทั้งแนวราบแล้วก็แนวดิ่งหรือแขวนลง มีความสูงของต้นโดยประมาณ 8-20 เมตร เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีแดงเข้ม ต้นเมื่อแก่จะแตกเป็นร่อง ด้านในมียางสีเหลืองใสๆเปลือกข้างในเป็นสีชมพู ส่วนแก่นไม้เป็นสีน้ำตาลอมแดง ตายอดเป็นรูปกรวยคว่ำ มีขนสีน้ำตาลผสมสีแดงอยู่ห่างๆ โดยต้นวัวกระทิงเป็นไม้ที่ถูกใจแสงตะวันจัด

มักขึ้นตามป่าใกล้ริมหาด ป่าดงดิบ พบบ่อยทางภาคใต้ แพร่พันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเม็ดแล้วก็กรรมวิธีตอนกิ่ง ถูกใจดินปนทรายระบายน้ำก้าวหน้า แม้กระนั้นขึ้นได้ในดินแทบทุกประเภท ถ้าได้รับน้ำมากพอใบจะวาวสวยสดงดงาม (สำหรับเพื่อการตัดแต่งพืชพันธุ์ไม้ประเภทนี้ควรรอบคอบน้ำยางสีเหลืองจากต้นด้วย ด้วยเหตุว่ามีความเป็นพิษ)

ใบเป็นใบลำพังออกเรียงตรงกันข้ามกัน รูปแบบของใบเป็นรูปรี หรือเป็นรูปไข่กลับปนขอบขนาน โคนใบสอบ ปลายใบมนกว้างและก็มักหยักเว้าน้อย ใบมีความกว้างราวๆ 4-8 ซม.รวมทั้งยาวราวๆ 8-15 ซม. ใบเป็นสีเขียวเข้ม เนื้อใบออกจะครึ้มแข็งแล้วก็สะอาด ขอบของใบเรียบแล้วก็ผิวมันฉาบ ท้องใบเรียบเป็นสีอ่อนกว่า บ้าน

มีเส้นกิ้งก้านใบถี่มากและก็ขนานกัน เห็นคลุมเครือ ส่วนเส้นกึ่งกลางใบเป็นร่องทางข้างหลังใบ ใบอ่อนเป็นสีน้ำตาลปนแดง เมื่อแก่จะแห้งเป็นสีน้ำตาล แล้วก็มีก้านใบยาวราวๆ 1-2 ซม. (เปลือกของต้นมีสารแทนนินอยู่ 19%)

มีดอกเป็นช่อตามปลายกิ่งแล้วก็ตามง่ามใบ ช่อละราว 5-8 ดอก ดอกเป็นดอกลำพังแยกกันอิสระ ดอกเป็นสีขาวมีกลิ่นหอมหวนอ่อนๆกลีบเลี้ยงดอกมี 4 กลีบ ยาวโดยประมาณ 2.7-10 มม. โดยสองกลีบนอกจะเป็นรูปขอบขนานปนรูปไข่กลับแล้วก็งอเป็นกระพุ้ง โครงการภูวิลล่า ภูเก็ต ยาวราว 0.5 ซม. ส่วนอีกสองกลับรเข้าไปจะมีขนาดที่ใหญ่มากยิ่งกว่านิดหน่อย ส่วนกลีบมี 4 กลีบ บ้านทำเลดี 

กว้างราวๆ 7-8 มม.รวมทั้งยาวราว 9-12 มม. ลักษณะเป็นรูปช้อนหรือรูปไข่กลับ ขอบงอ ดอกเมื่อบานเต็มกำลังจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโดยประมาณ 2 ซม. รูปแบบของดอกเป็นดอกตูมออกจะกลมสีขาวนวล มีเกสรตัวผู้สีเหลืองเยอะมาก มีกลิ่นหอมสดชื่น เป็นทาสีเหลืองบริเวณเกสรตัวเมียที่ยกพ้นเกสรตัวผู้

อ่านเพิ่มเติม เงินกู้ที่ภูเก็ต

บทความแนะนำ